Monday, October 28, 2013

เรื่องย่อ ลอร์ดออฟเดอะริงส์



ฝากติชมด้วยค่ะ (อยู่ในบทที่2ของซีเนียร์โปรเจ็คค่ะ)
สามารถแนะนำมาได้ @mewinspace ทาง ทวิตเตอร์
หรือคอมเม้นท์ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

มหันตภัยแห่งแหวน
เล่มหนึ่ง
          บิลโบ้เป็นฮอบบิทที่มีนิสัยแปลกประหลาดคนหนึ่งซึ่งอยู่มาวันหนึ่งก็หายตัวไปจากหมู่บ้านและกลับมาหลังจากนั้นหนึ่งปีพร้อมกับสมบัติมากมาย เขารับเลี้ยงหลานชายคนหนึ่งชื่อโฟรโด้ พวกเขาอาศัยที่แบ็กเอนด์ในไชร์ วันหนึ่งบิลโบ้จัดงานวันเกิดครบรอบ 111 ปีอย่างยิ่งใหญ่และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากพูดสุนทรพจน์จบ ทำให้โฟรโด้ต้องรับแหวนของลุงมาเก็บรักษาไว้ พ่อมดแกนดัล์ฟเพื่อนของบิลโบ้ได้ออกตามหาที่มาของแหวนวงดังกล่าว เมื่อพ่อมดกลับมาในอีก17ปีต่อมา เขาได้สั่งให้โฟรโด้นำแหวนวงนั้นไปทำลายยังมอร์ดอร์ เนื่องจากเจ้าอสูรเซารอนกำลังตามหาแหวนเพื่อกลับคืนสู่อำนาจ โดยกอลลัมผู้ครอบครองแหวนคนก่อนหน้าบิลโบ้ได้บอกที่อยู่ของแหวน ทำให้ไชร์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป โฟรโด้จึงออกเดินทางพร้อมกับแซม เมอร์รี่และปิ๊ปปิ้น โดยพวกเขาต้องหลบหนีการตามล่าของภูติม้าดำเข้าไปในดึกดำบรรพ์ ที่นั่น ทอม บอมบาดิลได้ช่วยเหลือพวกเขาและพาไปส่งที่ชายป่า                
          ทั้งสี่ไปถึงเมืองบรีในตอนค่ำและได้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมแพรนซิ่งโพนี่ พวกเขาได้พบกับสไตรเดอร์ พรานป่า ซึ่งต่อมาได้เปิดเผยว่าตัวเองคืออารากอร์นเพื่อนของแกนดัลฟ์ เขาได้นำทางฮอบบิททั้งสี่ไปยังเวเธอร์ท็อป ภูติม้าดำทำร้ายโฟรโด้ด้วยมีดมอร์กุล อารากอร์นเกรงว่าโฟรโด้จะได้รับอันตรายถึงชีวิตด้วยพิษที่อยู่ในมีด จึงรีบเดินทางไปยังริเวนเดลล์ ระหว่างทางพวกเขาพบเอลฟ์นามกลอร์ฟินเดล ซึ่งเอลรอนด์ ลอร์ดแห่งริเวนเดลล์ได้ส่งเขามาตามหาคณะเดินทาง ภูติม้าดำได้ตามพวกเขาทันที่   ฟอร์ดแห่งริเวนเดลล์ ทางข้ามแม่น้ำบรุยเนน แต่โฟรโด้รอดมาได้ด้วยความเร็วของม้าของกลอร์ฟินเดล และความช่วยเหลือของเอลรอนด์ที่ได้บัญชาให้น้ำท่วมฉับพลัน ทำให้ม้าของภูติม้าดำถูกซัดหายไป                  

เล่มสอง            
          โฟรโด้ตื่นขึ้นมาในริเวนเดลล์สี่วันถัดมา แกนดัลฟ์ได้เล่าให้ฟังว่าเอลรอนด์เป็นผู้เยียวยาโฟรโด้ด้วยการนำเศษใบมีดออก โฟรโด้ได้พบลุงบิลโบ้ที่งานเลี้ยง วันรุ่งขึ้นมีการประชุม โดยมีผู้คนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆเข้าร่วมประชุมและได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับแหวน รวมถึงสงครามที่กำลังจะก่อตัวขึ้น ทำให้พวกเขาตัดสินใจว่าแหวนจะต้องถูกทำลายที่โอโรดรูอิน ภูเขามฤตยูในมอร์ดอร์ โดยโฟรโด้จะเป็นผู้ถือแหวน คณะเดินทางประกอบไปด้วยฮอบบิททั้งสี่คน คนสองคน คืออารากอร์น บุตรแห่งอาราธอร์นและโบโรเมียร์ บุตรชายของเสนาบดีแห่งกอนดอร์ คนแคระ คือกิมลี บุตรแห่งโกลอิน และพ่อมดแกนดัล์ฟ             
          เมื่อคณะเดินทางล้มเหลวในการใช้ทางผ่านยอดเขาคาราธราส พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนไปใช้ทางผ่านเหมืองมอเรีย ก่อนทางเข้าพวกเขาโดนโจมตีโดยผู้พิทักษ์ที่อยู่ในน้ำ เมื่อรอดเข้ามาภายในได้ พวกเขาเดินทางอยู่ในความมืดของเหมืองมอเรีย ต่อมาพวกเขาพบหลุมศพของบาลิน เจ้าแห่งมอเรีย ในสมุดบันทึกได้เล่าเรื่องราวว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยเหล่าออร์ค และบาลินตายขณะออกไปสำรวจในหุบเขาดิมริล เมื่อคณะเดินทางเตรียมจะออกเดินทางต่อ พวกออร์คและบัลร็อกบุกโจมตี ทำให้แกนดัลฟ์พลาดท่า ตกลงไปในอเวจีพร้อมกับบัลร็อก พวกเขาออกเดินทางต่อไปตามทางที่ตัดมาจากเหมืองมอเรีย จนถึงลอธลอริเอน ที่อาศัยของเอลฟ์แดนไพร พวกเขาพักอยู่กับฮัลเดียร์หนึ่งวันก่อนที่จะเดินทางไปพบเลดี้กลาเดรียลและลอร์ดเคเลบอร์นที่คารัสกาลาธอน 
           พวกเขาพักผ่อนอยู่ที่คารัสกาลาธอนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ระหว่างนั้นเลดี้กาลาเดรียลได้เผยให้แซมและโฟรโด้เห็นภาพในกระจกเงาของกาลาเดรียล แซมเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในไชร์ และโฟรโด้เห็นภาพพ่อมด กอนดอร์ และดวงตาของเซารอน เลดี้กาลาเดรียลถูกแหวนครอบงำอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอาชนะพลังของแหวนได้และตัดสินใจให้คณะเดินทางออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น
ก่อนออกเดินทางทุกคนได้รับเลมบัส ขนมปังไพร เสื้อฮู้ดขนาดพอดีตัวและเรือสำหรับการเดินทาง โดยทุกคนได้รับของขวัญจากเลดี้กาลาเดรียลคือ อารากอร์นได้ฝักดาบ โบโรเมียร์ เมอร์รี่ และปิ๊บปิ๊นได้เข็มขัด เลโกลัสได้คันธนูพร้อมกระบอกใส่ลูกธนู แซมได้ดินจากสวนของกาลาเดรียล กิมลีได้เส้นผมของเลดี้กาลาเดรียล และโฟรโด้ได้แสงดาวแห่งเอเอเรนดิลเพื่อส่องทางสว่างในความมืด
พวกเขาล่องเรือไปตามลำธารซิลเวอร์โลด เมื่อถึงแก่งซาร์เกเบีย พวกออร์คได้ดักโจมตีคณะเดินทาง พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางโดยยกเรือขึ้นบก และล่องเรือไปผ่านอาร์โกนัธ เสาหินแห่งราชา คืนนั้นพวกเขาพักแรมกันที่เนินพาร์ธกาเลน

วันรุ่งขึ้นคณะเดินทางต้องเลือกว่าจะเดินทางไปยังกอนดอร์ มอร์ดอร์หรือแยกย้ายกัน อารากอร์นมอบให้โฟรโด้ตัดสินใจ เมื่อโฟรโด้ขอไปคิดตามลำพัง โบโรเมียร์ได้เดินตามมาเนื่องจากถูกอำนาจของแหวนครอบงำ ทำให้โฟรโด้ตัดสินใจสวมแหวนและวิ่งหนีไปยังเรือ เมื่อโบโรเมียร์กลับไปเล่าเรื่องให้คณะเดินทางที่เหลือฟังทำให้พวกเขาออกตามหาโฟรโด้ โดยแซมได้คิดขึ้นมาว่าโฟรโด้ต้องกลับไปที่เรือ ทำให้แซมได้ติดตามโฟรโด้ต่อไปในการเดินทางสู่มอร์ดอร์ คณะเดินทางได้แตกสลายด้วยเหตุนี้เอง

        
หอคอยคู่พิฆาต  
เล่มสาม
  ขณะที่อารากอร์นออกตามหาโฟรโด้ เขาได้ยินเสียงแตรขอความช่วยเหลือของโบโรเมียร์ เมื่อเขาตามไปถึงที่มาของเสียงก็พบว่าโบโรเมียร์ถูกศร ก่อนสิ้นใจโบโรเมียร์ได้บอกว่าเมอร์รี่กับปิ๊บปิ้นถูกพวกออร์คจับไปและเขาพยายามแย่งแหวนมาจากโฟรโด้ ทำให้ผู้ถือแหวนหนีไป อารากอร์นพบว่าออร์คที่มาเป็นพวกของซารูมาน พ่อมดขาว เลโกลัสและกิมลีได้ช่วยนำศพของโบโรเมียร์ล่องไปตามมหานทีอันดูอินในแพที่ช่วยกันต่อขึ้น โดยทั้งสามตัดสินใจที่จะออกเดินทางตามหาเมอร์รี่กับปิ๊บปิ้น
เมอร์รี่และปิ๊บปิ้นได้เดินทางอย่างทรมานมาบนหลังออร์ค โดยเมื่อนายทหารม้าแห่งโรฮันบุกโจมตีกองทัพออร์ค ฮอบบิททั้งสองได้หนีเข้าไปในป่าฟังกอร์น ที่นั่นพวกเขาได้พบกับทรีเบียร์ด เอ๊นท์ ต้นไม้มีชีวิตที่อายุยืนยาวที่สุด ทรีเบียร์ดได้จัดการประชุมเอ๊นท์เนื่องจากซารูมานได้ทำลายต้นไม้ไปเป็นจำนวนมาก และได้ข้อสรุปว่าจะไปบุกไอเซนการ์ด ถิ่นฐานของพ่อมดขาว
ต่อมาอารากอร์น เลโกลัสและกิมลีได้พบกับเอโอแมร์ นายพลตรีแห่งริดเดอร์มาร์กและได้รับม้าเพื่อใช้เดินทางตามหาฮอบบิททั้งสอง ทั้งสามแกะรอยจนเข้าไปในป่าฟังกอร์นและได้พบกับแกนดัล์ฟอีกครั้ง พ่อมดรอดออกมาจากอเวจีหลังจากต่อสู้กับบัลร็อกจนตาย แต่ฟื้นคืนชีพ โดยไกวเฮียร์เจ้าวายุ นกอินทรียักษ์ได้พาตัวเขาไปรักษายังลอริเอนและให้สวมชุดขาว ทั้งสี่ออกเดินทางไปยังเอโดรัส เมืองหลวงแห่งโรฮัน เพื่อไปเตือนภัยที่กำลังจะมาถึงจากมอร์ดอร์ แกนดัล์ฟได้ปลดปล่อยกษัตริย์เธโอเดนให้เป็นอิสระจากคำหลอกลวงของเวิร์มทัง สมุนของซารูมาน ทัพโรฮันจึงได้เตรียมตัวออกเดินทางและตั้งให้เลดี้เอโอวีน หลานของกษัตริย์เธโอเดนเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เมื่อกองทัพเดินทางไปถึงถ้ำผาเฮล์ม ที่ตั้งรับกองทัพออร์ค เหล่าศัตรูได้บุกโจมตีพร้อมกับระเบิด ทำให้ตอนแรกโรฮันเป็นฝ่ายแพ้ แต่เมื่อแกนดัล์ฟได้ขี่ม้านำเหล่าทหารมาเพิ่ม พร้อมกับการปรากฎตัวของฮูออร์น เอ๊นท์อีกพวกหนึ่งบริเวณสนามรบ ทำให้ออร์คพ่ายแพ้ไป
กษัตริย์เธโอเดน เอโอแมร์ และคณะแหวนทั้งสี่พร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังไอเซนการ์ด เพื่อไปเจรจากับซารูมาน เมื่อไปถึงพวกเขาพบเมอร์รี่และปิ๊บปิ้น สองฮอบบิทได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเหล่าเอ๊นท์ได้ทำลายไอเซนการ์ดด้วยความโกรธแค้นและได้ปล่อยน้ำจากแม่น้ำไอเซนมาท่วมทั้งบริเวณ กวาดเอาเหล่าออร์คและวัตถุดิบต่างๆไปหมด เมื่อคณะเดินทางมาถึงได้เจรจากับซารูมานแต่เขาปฏิเสธ ไม่ยอมออกมาจากหอคอยออร์ธังค์ แกนดัล์ฟจึงขับไล่เขาออกจากสภาพ่อมด กริม่าโยนลูกแก้วลูกหนึ่งออกมา แกนดัล์ฟได้เก็บมันไว้ ภายหลังเมื่อปิ๊บปิ้นทนแรงดึงดูดไม่ไหว แอบขโมยมาเพ่งดู ทำให้ได้ติดต่อกับเซารอนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พ่อมดจึงได้ทราบว่าเป็นลูกแก้วพาลันเทียร์ ซึ่งสามารถใช้ติดต่อกันระยะไกลได้ ขณะเดียวกันนั้นเหล่านาซกูล ภูตแหวนได้บินผ่านมา ทำให้แกนดัล์ฟต้องรีบพาปิ๊บปิ้นไปยังกอนดอร์ เพื่อแจ้งข่าวเรื่องสงครามที่กำลังจะมาถึง
 
เล่มสี่
          โฟรโด้และแซมออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังมอร์ดอร์ พวกเขาจับตัวกอลลัมไว้เพื่อเป็นคนนำทาง โดยกอลลัมพาพวกเขาเดินตัดผ่านบึงมรณะ เมื่อนาซกูล ภูติเวหาบินผ่านพวกเขาไป กอลลัมมักทำตัวแปลกๆเนื่องจากรู้สึกเหมือนกำลังถูกติดตาม และเมื่อฮออบบิททั้งสองหลับ กอลลัมมักวางแผนอยู่กับสมีโกล ตัวตนอีกด้านของกอลลัม เพื่อชิงของล้ำค่า หรือแหวนแห่งอำนาจกลับมาเป็นของตน เมื่อพวกเขาไปถึงโมรันนอน ประตูดำแห่งมอร์ดอร์ พวกเขาพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปทางประตูใหญ่ กอลลัมจึงเสนอให้ไปเข้าทางหอคอยคิริธ อุงโกล

          พวกเขาเดินทางต่อไปจนถึงอิธิลิเอน เมื่อปรุงอาหารเสร็จแซมลืมดับไฟทำให้ฟาราเมียร์ น้องชายของโบโรเมียร์ และเหล่าพรานป่าแห่งอิธิลิเอนพบตัวพวกเขา ฟาราเมียร์พยายามซักถามเกี่ยวกับภารกิจของโฟรโดและคณะเดินทาง โดยฮอบบิทเพิ่งได้ทราบว่า โบโรเมียร์ตายแล้ว ฟาราเมียร์ตัดสินใจพาฮอบบิททั้งสองไปยังน้ำตกเฮนเนธอันนูน ค่ายลับของเหล่าพรานป่า ที่นั่นพวกเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยแซมเกิดหลุดปากบอกเกี่ยวกับแหวน ทำให้ฟาราเมียร์ถูกครอบงำอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แต่เขาก็หลุดรอดมาได้ ตกดึกกอลลัมได้เข้ามาจับปลาในบริเวณค่ายลับ ซึ่งมีโทษถึงตาย แต่โฟรโดขอให้ไว้ชีวิตมัน และได้เล่าแผนการเดินทางให้ฟัง ฟาราเมียร์ไม่เห็นด้วยกับเส้นทางที่พวกเขาจะไปเนื่องจากเต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย แต่ไม่มีหนทางอื่น ฟาราเมียร์ได้ประกาศรับรองให้โฟรโดและแซมสามารถท่องเที่ยวไปในกอนดอร์ได้อย่างมีอิสระ พรานป่าได้มอบเสบียงและไม้เท้าให้กับฮอบบิททั้งสอง
          ทั้งสามออกเดินทางต่อไปในความมืดเนื่องจากพลังที่แผ่ออกมาจากมอร์ดอร์บดบังแสงสว่างของท้องฟ้า ก่อนที่จะไปถึงหอคอยคิริธ อุงโกล โฟรโด้รู้สึกคล้ายถูกเรียกจากภูติแหวนที่หน้าเมืองมินาสมอร์กูล แต่เมื่อเขาแตะขวดแก้วของเลดี้กาลาเดรียล เสียงเรียกร้องก็ดับลง
          พวกเขาปีนขึ้นไปจนไปถึงถ้ำของชีล็อบ ภายในโฟรโดได้ใช้ขวดแก้วแสงดาวของเลดี้กาลาเดรียลหลายครั้ง แต่เมื่อออกมาถึงอีกฝั่งได้ กอลลัมได้พยายามฆ่าแซม และชีล็อบ แมงมุมยักษ์พยายามจะกินโฟรโด ด้วยการฉีดพิษเข้าไปในร่างกายและใช้ใยพันร่างของโฟรโดไว้ เมื่อแซมสลัดกอลลัมหลุดไปได้ เขาได้แทงชีล็อบและใช้แสงดาวแห่งเอเอเรนดิลไล่นางไป แต่แซมเข้าใจว่าโฟรโดตายแล้ว เขาตัดสินใจว่าจะทำภารกิจให้ลุล่วง จึงนำแหวนและดาบมา ออร์คลาดตระเวนพบโฟรโดเข้าจึงจับตัวไป แซมซึ่งสวมแหวนทำให้ล่องหนอยู่ได้ตามไปและได้รู้ว่าโฟรโดยังไม่ตาย แค่สลบไป
                                                       
กษัตริย์คืนบัลลังก์
          เล่มห้า

          แกนดัลฟ์พาปิ๊บปิ้นมาถึงมินาสธิริธ เมืองหลวงแห่งกอนดอร์ ฮอบบิทได้สาบานตนรับใช้เดเนธอร์ เสนาบดีแห่งกอนดร์ เพื่อตอบแทนที่โบโรเมียร์ได้ช่วยเหลือเขา แกนดัล์ฟมาเพื่อแจ้งข่าวศึกที่กำลังจะมาถึง แต่เดเนธอร์ยังคงมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการตายของโบโรเมียร์ ลูกชายคนโตของเขา โดยก่อนจะออกจากท้องพระโรงแกนดัล์ฟได้เอ่ยเตือนให้เดเนธอร์ใส่ใจกับการดูแลโลกที่กำลังจะสูญสิ้นหากไม่ช่วยกันป้องกันอำนาจมืด
ระหว่างพักผ่อนปิ๊บปิ้นได้เดินชมเมืองไปกับเบเรกอนด์ ทหารรักษาป้อมและแบร์กิล ลูกชายของเขา โดยประชาชนชาวกอนดอร์ได้เรียกปิ๊บปิ้นว่าเป็นเจ้าชายฮาล์ฟลิง
ขณะที่ทัพโรฮันกำลังเดินทางกลับ พวกเขาพบกับพรานป่าแห่งแดนเหนือ ผู้นำสารจากลอร์ดเอลรอนด์มาให้ โดยได้เตือนว่าวันเวลาผ่านไปรวดเร็ว และให้ไปทางอุโมงค์ผี ที่สิงของชาวขุนเขาผู้ตระบัดสัตย์ พร้อมกันนี้ยังมีธงจากอาร์เวนมาด้วย เมื่อคณะเดินทางไปถึงถ้ำผาเฮล์ม อารากอร์นได้เพ่งเข้าไปในลูกแก้วและได้ขับเคี่ยวกับเซารอน โดยเขาตัดสินใจนำคณะไปบังอุโมงค์ผี เพื่อนำทัพวิญญาณมาช่วยเหลือพวกเขา
เมื่อทัพโรฮันไปถึงดันแฮร์โรว์ ที่ลี้ภัยของชาวเมืองโรฮัน เลดี้เอโอวีนได้แจ้งว่าอารากอร์นนำคณะเดินทางเข้าไปยังอุโมงค์ผีแล้ว ต่อมามีทหารถือสารมาจากกอนดอร์ ขอความช่วยเหลือในการรบ กองทัพจึงตัดสินใจออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น โดยกษัตริย์เธโอเดนไม่ยอมให้เมอร์รี่ ซึ่งได้ถวายตัวเป็นข้าราชบริพาร ออกติดตามไปรบด้วย แต่ขณะที่เคลื่อนทัพ นายทหารชื่อเดิร์นเฮล์มได้พาเมอร์รี่นั่งม้าไปด้วย
ทางด้านมินาสธิริธ ฟาราเมียร์ได้ถอยทัพมากจากป้อมปราการออสกิลเลียธเพื่อมารายงานสถานการณ์ ระหว่างที่ขี่มากลับเขาโดนโจมตีจากภูติแหวน วันรุ่งขึ้น ลอร์ดเดเนธอร์ต้องการให้มีคนไปป้องกันทุ่งเพเลนนอร์ ทำให้ฟาราเมียร์ต้องอาสาไป ในการสู้รบแม้จะมีแกนดัล์ฟและทัพของโดลอัมรอธ แต่ด้วยการโจมตีทางอากาศจากภูติแหวนและจำนวนข้าศึกที่มากกว่าทำให้ฟาราเมียร์เพลี่ยงพล้ำได้รับบาดเจ็บ เมื่อเจ้าชายอิมราฮิลแห่งโดลอัมรอธนำเขากลับมาก ลอร์ดเดเนธอร์ก็เสียใจจนเสียสติไปและเฝ้าข้างเตียงของเขาไม่ห่าง ต่อมาข้าศึกได้โจมตีด้วยการใช้เครื่องกว้านเหวี่ยงหินเข้ามาทำลายพระนครพร้อมกับใช้มูมากิล โทรลล์ และออร์คจำนวนมากในการทำลายกำแพงเมือง โดยลอร์ดเดเนธอร์ได้สั่งให้พาตนและฟาราเมียร์ไปยังเชิงตะกอนเพื่อเผาร่างของตนให้ตายไปพร้อมกับลูกชาย ปิ๊บปิ้นเร่งรุดไปแจ้งแกนดัล์ฟ โดยสั่งให้เบเรกอนด์พยายามหยุดลอร์ดเดเนธอร์ไว้ ซึ่งเกิดขึ้นเวลาเดียวกันกับการมาถึงของทัพโรฮัน ก่อนที่พวกเขามาจะถึง ได้ใช้เส้นทางโบราณที่พวกคนป่าเผ่าดรูอะดานแนะนำ ทำให้สามารถมาถึงสมรภูมิทุ่งเพเลนนอร์โดยที่ข้าศึกไม่รับรู้ เมื่อกษัตริย์เธโอเดนมาประจันหน้ากับนาซกูล ม้าสโนว์เมนของพระองค์ถูกยิง ทำให้พระองค์โดนทับอยู่ใต้ร่างม้า เดิร์มเฮล์มจึงได้เผยตัวว่าตนคือเลดี้เอีน และได้ต่อสู้กับภูติแหวนอย่างกล้าหาญ โดยนางได้ฟันคอนกพาหนะ เมอร์รี่ได้ฟันขาและนางเป็นคนฆ่านาซกูล จากคำทำนายที่ว่าไม่มีบุรุษใดในหล้าขวางข้าได้ ราชาขมังเวทได้ตายลงด้วยมือของอิสตรีและฮอบบิท กษัตริย์เธโอเดนได้มอบบัลลังก์ให้เอโอแมร์ แต่เมื่อเขาพบว่าน้องสาวของตนมานอนตายอยู่กลางสนามรบก็เสียใจมาก เขาได้สั่งให้นำศพของทหารโรฮันออกไปจากบริเวณ แต่ปรากฎว่าเลดี้เอโอวีนยังไม่ตาย เจ้าชายแห่งโดลอัมรอธได้สั่งให้นำนางไปรักษาโดยด่วน แต่การต่อสู้ก็ไม่ได้มีท่าทีจะยุติ ในช่วงหนึ่งกอนดอร์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ โดยเมื่ออารากอร์นนำกองทัพเรือพร้อมทหารมาช่วย พวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะในที่สุด แต่ก็สูญเสียไพร่พลไปจำนวนมากเช่นเดียวกัน
เมื่อปิ๊บปิ้นได้แจ้งแกนดัล์ฟว่าเดนธอร์เสียสติไป พ่อมดได้รีบรุดไปยังสุสานหลวง และพบว่าเบเรกอนด์กำลังต่อสู้กับทหารรักษาพระองค์ของกษัตริย์เดเนธอร์ ในที่สุดแกนด์ฟได้ช่วยฟาราเมียร์ออกมาจากเชิงตะกอน โดยลอร์ดเดเนธอร์ได้เผาตัวเองตายไปพร้อมกับไม้เท้าประจำตำแหน่งและพาลันเทียร์ ซึ่งลูกแก้วนี้เองเป็นช่องทางที่เจ้าอสูรเซารอนใช้ชักใยครอบงำกอนดอร์ เนื่องจากลอร์ดเดเนธอร์มีจิตที่เข้มแข็งไม่พอ แกนดัล์ฟได้ส่งให้เบเรกอนด์ไปเฝ้าดูแลฟาราเมียร์ที่หออภิบาล
ปิ๊บปิ้นออกมาตามหาเมอร์รี่ซึ่งเดินหลงออกมาจากขบวนทัพ ซึ่งปิ๊บปิ้นได้พาเพื่อนไปรักษาที่หออภิบาล โดยอารากอร์นเป็นคนรักษาเขา รวมถึงเอโอวีนและฟาราเมียร์ เนื่องจากมีคำกล่าวที่ว่า หัตถ์ของราชาคือหัตถ์แห่งผู้เยียวยา เขาได้ส่งคนไปตามหาใบอะธีลาสหรือว่านราชัน เพื่อมารักษาทั้งสามคน จนหายเป็นปกติ ต่อมามีประชาชนจำนวนมากมาขอรับการรักษาจากเขาเช่นกัน จนมีการเรียกเขาว่าศิลาเอลฟ์ และข่าวที่ว่ากษัตริย์เสด็จนิวัติแผ่นดินก็แพร่ไปทั่ว
เลโกลัสและกิมลีได้เข้าไปเยี่ยมเมอร์รี่ โดยได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากพวกเขาออกจากอุโมงค์ผีให้ฟัง คืออารากอร์นได้รับความช่วยเหลือจากอังบอร์และเอาชนะศึกที่อ่าวเพลาเกียร์ด้วยความช่วยเหลือของผีชาวขุนเขา ทำให้เหล่าวิญญาณเป็นอิสระ กองทัพได้ลงเรือมาและมาถึงทันช่วยเหลือกอนดอร์
อารากอร์นได้เรียกประชุมเหล่าแม่ทัพ โดยทั้งหมดจะนำทัพไปยังมอร์ดอร์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเจ้าอสูร ผู้ถือแหวนจะได้สามารถไปถึงภูเขามฤตยูได้ง่ายขึ้น
อารากอร์นได้นำทัพไปยังมอร์ดอร์ เมอร์รี่ซึ่งยังบาดเจ็บไม่ได้รับอนุญาตให้ไปด้วย เมื่อทัพไปถึงชายแดนมอร์ดอร์ อารากอร์นได้ประกาศให้ทหารบางส่วนที่หวาดกลัวกลับไปช่วยป้องกันบ้านเมือง เมื่อไปถึงที่ประตูดำแห่งมอร์ดอร์ โอษฐ์แห่งเซารอนได้ออกมาเจรจา เขาถือของใช้ของโฟรโดและแซมออกมาด้วย โดยเขามีเงื่อนไขว่าให้ดินแดนของมนุษย์เป็นประเทศราช แต่แกนดัล์ฟไม่รับข้อเสนอ เขาได้นำของของฮอบบิททั้งสองคืนมา และเปิดศึกกับมอร์ดอร์ ปิ๊บปิ้นถูกโทรลล์ล้มทัพร่างและใกล้ตาย เสียงสุดท้ายที่เข้าได้ยินคือ นกอินทรีมาแล้ว



เล่มหก
          แซมเข้าไปในหอคอยคิริธอุงโกล โดยออร์คด้านในกำลังทะเลาะกันแย่งของของโฟรโด ทำให้หนึ่งในนั้นเข้าใจว่าแซมเป็นนักรบเอลฟ์ จากเงาที่สะท้อนมาก เมื่อเขาปีนขึ้นไปด้านบนก็อาศัยช่วงที่ออร์คกำลังฆ่ากันหนีมา และขึ้นไปหาโฟรโดได้ ตอนที่เขายื่นแหวนส่งคืนให้โฟรโด อำนาจมืดก็ครอบงำนายของเขาจนโฟรโดเรียกแซมว่าไอ้ขี้ขโมย ทำให้ทั้งคู่ต่างรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจกันและช่วยกันหนีออกมาโดยใส่เสื้อผ้าออร์ค เมื่อออกมาได้พวกเขาได้เดินทางให้ห่างไกลจากถนนใหญ่ เนื่องจากนาซกูลบินสอดส่องอยู่ โดยอ้อมไปทางเหนือเพื่อปีนภูเขามอร์ไก ทั้งสองเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากอาหารและน้ำเหลือน้อย นอกจากนี้เมื่อแซมไปหาน้ำเขายังเห็นกอลลัมป้วนเปี้ยนอยู่ แต่สุดท้ายพวกเขาไม่สามารถข้ามมอร์ไกได้ จึงลงมา ขณะนั้นเองมีออร์คเดินทัพผ่านมา ผู้คุมเห็นพวกเขาเข้าจึงเรียกไปรวม ทำให้ต้องเดินเลยไปทางเหนือ ซึ่งไกลออกจากภูเขาไฟมฤตยูที่พวก เขาต้องไปปฏิบัติภารกิจ เมื่อพวกออร์คเกิดทะเลาะกัน ทั้งสองจึงมุดหนีออกมาจากทัพได้
          พวกเขาหลบซ่อนตัวไปตามหลุมบ่อบนถนน ในช่วงสุดท้ายได้ทิ้งสัมภาระส่วนใหญ่ไปและแซมต้องอุ้มโฟรโดขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟโอโรดรูอิน ที่นั่นกอลลัมตามมาจนพบพวกเขาและได้ต่อสู้กับโฟรโด แต่แซมรั้งไว้และให้โฟรโดไป ภายในภูเขาไฟโฟรโดถูกแหวนครอบงำและได้ประกาศว่า ข้ามาแล้ว แต่ข้าไม่ขอทำในสิ่งที่ข้ามากระทำ ข้าไม่ขอทำการนี้ แหวนเป็นของข้า! สุดท้ายแล้ว กอลลัมก็มาเอาแหวนไปจากโฟรโดได้สำเร็จ ด้วยการกัดนิ้วเอาไป กอลลัมได้ดีใจอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่มันจะตกลงไปในปล่องภูเขาไฟและหายไปตลอดกาล สิ่งมีชีวิตและสิ่งก่อสร้างในมอร์ดอร์พังทลายลงสิ้น รวมถึงดวงตาแห่งเซารอนซึ่งคอยบัญชาการ แผ่นดินม้วนตัวเป็นคลื่น นาซกูลก็กรีดร้องแล้วแตกดับไป
          ณ สมรภูมิทุ่มคอร์มันลเลน กองทัพของกอนดอร์ใกล้จะแพ้ แต่ฉับพลันแผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน เหล่าสมุนของเซารอนต่างวิ่งหนี เหลือมนุษย์ที่ยังต่อสู้กับทัพกอนดอร์อยู่ นาซกูลหายวับไปในอากาศ นกอินทรียักษ์ได้บินมารับแกนดัล์ฟเพื่อไปรับฮอบบิทผู้กล้ามาจากมอดอร์
          แซมตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นสองสัปดาห์ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในอิธิลิเอน ภับมืดทุกอย่างได้สูญสิ้นไปแล้ว ปีใหม่ตามศักราชกอนดอร์จะเริ่มต้นขึ้นตามวันที่เซารอนถูกโค่นอำนาจ ฮอบบิทได้รับการสดุดีที่ทุ่งคอร์มัลเลน พวกเขาได้พบคณะเดินทาง โดยเพื่อนๆได้เล่าสิ่งที่พบเจอมาให้ฮอบบิทผู้กล้าทั้งสอง ตั้งแต่พวกเขาแยกจากกัน โดยบอกว่าอารากอร์นเป็นผู้เยียวยาให้ทั้งสองหายดี ต่อมาเหล่าฮอบบิทได้ท่องไปบริเวณป่าอิธิลิเอน
          ครั้งที่ทัพกอนดอร์จากไปยังมอร์ดอร์ได้สองวัน เลดี้เอโอวีนเกิดความเบื่อหน่ายจึงไปขออนุญาตจากฟาราเมียร์ เสนาบดีแห่งกอนดอร์ ตามไปรบ แต่เขาไม่อนุญาต โดยจัดให้ห้องนอนของนางหันไปทางตะวันออกเพื่อจะได้เห็นความเป็นไป เหตุการณ์นี้ทำให้เขาสนใจในตัวนาง โดยได้เรียกเมอร์รี่มาเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับนาง ห้าวันต่อมาพวกเขายืนมองการล่มสลายของมอร์ดอร์ด้วยกัน เมื่อพี่ชายของนางเรียกให้ไปยังอิธิลิเอน นางจึงไม่ไปและมีอาการเจ็บป่วย เมื่อฟาราเมียร์มาหานางจึงได้รู้ว่าเป็นเพราะเขาทำงานหนัก ทั้งสองจึงพบว่าต่างรักกัน
          ในวันราชาภิเษก วันที่หนึ่งพฤษภาคม ฟาราเมียร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีแห่งกอนนดอร์ ครองแคว้นอิธิลิเอน อารากอร์นให้โฟรโดมอบมงกุฎให้แกนดัล์ฟและให้พ่อมดสวมมงกุฎให้เขา ทรงตัดสินโทษประหารเบเรกอนด์ แต่ด้วยความดีที่ทำ ทรงส่งไปรับใช้ฟาราเมียร์ที่อิธิลิเอน
          คณะพันธมิตรแห่งแหวนถูกรั้งไว้ที่กอนดอร์ คืนหนึ่งกษัตริย์เอเลสซาร์ได้ออกไปกับแกนดัล์ฟละพบต้นอ่อนของพฤกษาขาว ซึ่งเคยแห้งเหี่ยวไปที่ลานพระราชวังในมินาสธิริธ ทรงนำต้นใหม่มาปลูกจนออกดอกบานสะพรั่ง วันก่อนวันกลางฤดูร้อนคณะของเอลฟ์จากริเวนเดลล์และลอริเอนได้เดินทางมาถึงกอนดอร์ พร้อมอาร์เวน กษัตริย์ให้กอนดอร์ได้อภิเษกสมรสกับอาร์เวน อุนโดเมียลในวันรุ่งขึ้น เรื่องราวแห่งการรอคอยได้จบลง ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่อยู่แสดงความยินดี
ชาวคณะได้ออกเดินทางหลังจากโฟรโดไปเข้าเฝ้าทูลลากลับ ราชินีอาร์เวนได้มอบสร้อยรูปดวงดาวให้โฟรโดเพื่อเดินทางไปยังเกรย์เฮเวนส์ แหล่งพำนักของเอลฟ์ในดินแดนตะวันตก คณะได้เดินทางไปพร้อมกับขบวนพระศพของกษัตริย์เธโอเดน เมื่องานพระศพจบลงมีการเลี้ยงฉลอง ฟาราเมียร์ได้สู่ขอเอโอวีนมาเป็นภริยา จึงมีการดื่มอวยพระกัน ในวันอำลา เอโอแมร์ กษัตริย์แห่งโรฮันได้มอบแตรประจำตระกูลไว้เป็นที่ระลึก
ที่อุทยานไอเซนการ์ด เหล่าเอ๊นท์ได้เข้ามาดูแลให้ต้นไม้งอกงาม กษัตริย์เอเลสซาร์ได้มอบให้เป็นของเอ๊นท์ตลอดไป กิมลีและเลโดชกลัสได้แยกตัวไปท่องเที่ยวในป่าฟังกอร์น อารากอร์นได้ลากลับไปยังกอนดอร์
ระหว่างทางพวกเขาพบซารูมานและเวิร์มทังที่กลายเป็นคนขอทาน และได้อำลาผู้ครองลอริเอนก่อนเดินทางไปริเวนเดลล์ ที่นั่นเขาพบกับลุงบิลโบซึ่งแก่ลงอย่างเห็นได้ชัดและหลับบ่อยๆ พวกเขาเดินทางจากมาและสัญญาว่าจะเขียนหนังสือของลุงให้จบ เอลรอนด์ได้บอกกับโฟรโดว่าในอีกหนึ่งปีเขาจะเดินทางไปยังเกรย์เฮเวนส์
ขณะพำนักที่บรีพวกเขาพบว่ามักมีชายจรจัด โจร มาดักทำร้ายและปล้นของในหมู่บ้านเสมอๆ รวมถึงสินค้าจากไชร์ก็ส่งมาไม่ถึง แต่พวกเขาพบม้าแกลบบิล ซึ่งเดินทางไปกับพวกเขาจากบรีถึงมอเรีย พวกเขาแยกกับแกนดัล์ฟตรงที่ทอม บอมบาดิลมาส่งเหล่าฮอบบิทที่ชายป่า
เมื่อไปถึงบ้านเกิด มีประตูกั้นที่ทางเข้า พวกเขาพบว่ามีกฏข้อห้ามมากมาย มีการปันส่วนอาหาร มีการสร้างตึกแทนบ้านแบบเดิม วันรุ่งขึ้นพวกเขาถูกจับ ทำให้รู้ว่าคนของ หัวหน้าบงการเรื่องทั้งหมด ริบเบียร์ไป ห้ามพักในโรงเตี๊ยม วันต่อมาพวกเขาเดินจนถึงบายวอเทอร์ ได้ไล่พวกอันธพาลซึ่งเป็นมนุษย์ไป โดยแซมได้ไปเยี่ยมโรซี่ คอตต้อนและพบว่าเธอสบายดี
ฮอบบิทกว่าสองร้อยคนได้ต่อสู้กับมนุษย์อันธพาลอย่างกล้าหาญ ปิ๊บปิ้นไปนำคนมาเพิ่มจากบ้านและจะกลับในวันรุ่งขึ้น แซมไปหาพ่อเฒ่าของตน เย็นวันนั้นเมอร์รี่กับโฟรโดได้กินอาหารเย็นที่บ้านคอตต้อน พวกเขาเล่าว่าหัวหน้าจอมบงการคือโลโธ เขายึดครองเมืองทั้งหมดและมีตัวบงการคือชาร์กี้ โดยสั่งห้ามทำหลายๆอย่าง ต้องส่งอาหารให้หัวหน้า มีการทำลายสวน แซมพาพ่อเฒ่าของเขามา ฮอบบิทรวมตัวกันพร้อมกับคนของปิ๊บปิ้นที่มาสมทบ ได้ฆ่าอันธพาลไปเจ็ดสิบคน โดยเสียคนไปสิบเก้าคน ฮอบบิททั้งสี่พร้อมพวกไปบุกไปยังแบ๊กเอนด์ บ้านเก่าของโฟรโด และพบว่าชาร์กี้คือซารูมาน โฟรโดได้ขับไล่เขาไป โดยเวิร์มทังได้ฆ่าพ่อมดด้วยความแค้น และเหล่าฮอบบิทได้ยิงเวิร์มทัง เป็นการจบสงครามแหวน
เหล่าฮอบบิทได้ร่วมกันบูรณะบ้านของพวกเขา โฟรโดได้เป็นผู้ช่วยนายกเทศมนตรีขณะที่นายกฯกำลังพักฟื้น แซมได้นำดินจากสวนของเลดี้กาลาเดรียลมาโปรยทั่วๆ เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงต้นไม้ในไชร์ก็เจริญงอกงาม รวมถึงมีต้นมัลลอร์นต้นหนึ่งโตขึ้น อาหาร ยาสูบและข้าวอุดมสมบูรณ์ที่สุด
โฟรโดได้กลับไปอาศัยที่แบ๊กเอนด์อีกครั้ง และได้ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยนายกฯ เพื่อเขียนหนังสือ เขาเริ่มเจ็บปวดแผลและมีอาการเพ้อ แซมได้แต่งงานกับโรซี่ คอตต้อน และย้ายเข้ามาอยู่แบ๊กเอนด์เพื่อดูแลโฟรโด ปีต่อมาโฟรโดชวนแซมให้ไปเยี่ยมลุงบิลโบผู้มีอายุครบหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดปี โดยโฟรโดได้ทิ้งสมุดบันทึกไว้ให้แซมและเหลือหน้ากระดาษไว้ให้เขียน พวกเขาเดินทางไปพบกับเหล่าเอลฟ์ เลดี้กลาเดรียล ลอร์ดเอลรอนด์ และแกนดัล์ฟ ผู้ครองแหวนเอลฟ์ทั้งสาม เหล่าฮอบบิทได้บอกลากัน ณ เกรย์เฮเวนส์ โฟรโดได้เดินทางไปเยียวยาที่ดินแดนตะวันตก เป็นการจากลาเพื่อนทั้งสามไปตลอดกาล
 
 
          

1 comment: